การพัฒนาพลังงานทดแทน : การผลิตไฮโดรเจนและการใช้ประโยชน์ในการผลิตไฟฟ้า">

โครงการย่อยในชุดโครงการ การพัฒนาพลังงานทดแทน : การผลิตไฮโดรเจนและการใช้ประโยชน์ในการผลิตไฟฟ้า

  • 2553 (2548-2553)

  • inดร.นิรันดร์ จันทวงศ์, รองศาสตราจารย์

  • inดร.ประศาสตร์ เกื้อมณี, รองศาสตราจารย์,exดร. อาภารัตน์ มหาขันธ์

  • โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพเชิงบูรณาการเพื่อการแข่งขัน

  • 1. เพื่อคัดเลือกชนิดสาหร่ายสีเขียว ในประเทศไทยที่สามารถสังเคราะห์แสงและผลิตไฮโดรเจนในปริมาณสูง 2. เพื่อหาปัจจัยที่เหมาะสมต่อการผลิตไฮโดรเจน 3. เพื่อออกแบบวิธีการและเครื่องมือ (Bioreactor)ในผลิตไฮโดรเจนให้ได้ปริมาณมาก

  • ได้ศึกษาการสร้างพลังงานจากแป้งของชีวมวลสาหร่ายสีเขียวและสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียวในประเทศไทยเพื่อเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกในอนาคต โดยแป้งในชีวมวลสาหร่ายที่สร้างขึ้นจะถูกย่อยเป็นกรดอินทรีย์ด้วยแลคติคแบคทีเรีย แล้วถูกเปลี่ยนเป็นไฮโดรเจนด้วยแบคทีเรียด้วยสังเคราะห์ จากการศึกษาในสาหร่ายสีเขียว 14 สายพันธุ์ และสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว 25 สายพันธุ์ พบว่าสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว Nostoc muscurum TISTR 8871 สามารถผลิตชีวมวลและสะสมแป้งสูงสุด โดยเลี้ยงในอาหารสูตร BG-11 ที่อุณหภูมิ 28+1 องศาเซลเซียส ภายใต้ความเข้มแสง 60 ไมโครโปรตอนตารางเมตรต่อวินาที และเขย่า 150 รอบต่อนาที ระยะเวลา 20 วัน ชีวมวลถูกทำให้เข้มข้นจากนั้นนำไปหมักด้วยแอนแอโรบิคแบคทีเรีย 6 สายพันธุ์เพื่อเปลี่ยนเป็นกรดอินทีย์ ซึ่งชีวมวลเข้มข้นที่หมักด้วยแอนแอโรบิคแบคทีเรียสายพันธุ์ Lactobacillus brevis subsp. brevis TISTR 868 สามารถผลิตกรดกรดแลคติคสูงสุด ภายใต้สภาวะไม่มีออกซิเจนเป็นระยะเวลา 48 ชั่วโมง โดยผลิตกรดมาลิค กรดแลคติค กรดอะซิติค กรดซิติค และกรดบิวทิริค เท่ากับ 0.00, 3,353.10, 1,051.45, 301.13 และ 1.99 มิลลิโมลลาร์ ตามลำดับ จากการศึกษาพบว่าแบคทีเรียสังเคราะห์แสงสายพันธุ์ 12.1 สามารถผลิตแก๊สไฮโดรเจนจากชีวมวลสาหร่ายและน้ำเสียที่ผ่านการหมักด้วยแอนแอโรบิคแบคทีเรียสายพันธุ์ Lactobacillus brevis subsp. brevis TISTR 868 ได้ในอัตรา 17.55 และ 6.51 ml/L culture/h ตามลำดับ

  • ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์